Share
เหล็กเส้นกลม (Round Bars)
เกรด | ขนาด (mm.) | น้ำหนัก (kg.) | ||
1 M. | 10 M. | 12 M. | ||
เหล็กเส้นกลม SR24 | 6.0 | 0.222 | 2.22 | 2.66 |
9.0 | 0.499 | 4.99 | 5.99 | |
12.0 | 0.888 | 8.88 | 10.66 | |
15.0 | 1.387 | 13.87 | 16.64 | |
19.0 | 2.226 | 22.26 | 26.71 | |
25.0 | 3.853 | 38.53 | 46.24 |
เหล็กเส้นกลม (Round Bars)
คือ เหล็กเส้นสำหรับงานก่อสร้าง หรือเรียกสั้นๆว่า RB ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก.28/2529,32/2532 ชั้นคุณภาพของเหล็กประเภทนี้คือ SR24
RB6 (เหล็กเส้นกลม 2 หุน) ใช้สำหรับงานก่อสร้างที่รับแรงไม่มาก นิยมใช้ทำปอกเสา และปอกคาน
RB9 (เหล็กเส้นกลม 3 หุน) ใช้สำหรับงานก่อสร้างที่รับแรงไม่มาก คล้ายกับเหล็กเส้นกลม 2 หุน
RB12 (เหล็กเส้นกลม 4 หุน) ใช้สำหรับงานก่อสร้างทั่วไป แต่ไม่เน้นงานยึดเกาะ เพราะเหล็กมีลักษณะเรียบมน ทำให้ยึดเกาะปูนไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนมากนิยมใช้กับงานกลึง เช่น งานกลึงหัวน๊อตต่างๆ
RB15 ขนาด ศก. 15 มม. ยาว 10 ม. นน 13.87 กก./เส้น เหล็ก 1 ตัน = 72 เส้น
RB19 ใช้สำหรับงานทำถนน
RB25 ใช้ทำเป็นเหล็กสตัท เกรียวเร่ง สำหรับงานยึดโครงป้ายขนาดใหญ่สามารถรับแรง และน้ำหนักได้ดี
ลักษณะการใช้งานเหล็กเส้นกลม
เหล็กเส้นกลมถือเป็นรากฐานที่สำคัญและอเนกประสงค์ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง โดยมีการใช้หน้าตัดเป็นวงกลมเพื่อเสริมความแข็งแกร่งและสร้างรูปร่างให้กับโครงสร้างจำนวนมากมาย ความแพร่หลายในการก่อสร้างเป็นข้อพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งและความทนทานเป็นพิเศษ โดยนำเสนอรากฐานที่เชื่อถือได้สำหรับการใช้งานที่หลากหลาย การออกแบบเหล็กเส้นกลมไม่เพียงแต่รับประกันความสม่ำเสมอ แต่ยังปรับปรุงกระบวนการตัดเฉือนและการผลิต ส่งเสริมประสิทธิภาพในโครงการก่อสร้าง ตั้งแต่การสร้างโครงโครงกระดูกของอาคารไปจนถึงการเสริมแกนคอนกรีตของโครงสร้าง เหล็กเส้นกลมกลายเป็นวัสดุที่เชื่อถือได้และขาดไม่ได้ในชุดเครื่องมือก่อสร้าง เหล็กเส้นกลมยังมีความทนทานต่อการกัดกร่อนอย่างน่าทึ่ง ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะสัมผัสกับองค์ประกอบในโครงการก่อสร้างกลางแจ้งหรือใช้ในโครงสร้างภายใน เหล็กเส้นกลมจะคงความสมบูรณ์ไว้ตลอดเวลา ความต้านทานต่อการกัดกร่อนนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าโครงสร้างที่สร้างด้วยเหล็กเส้นกลมจะคงความแข็งแกร่งและเสถียรภาพไว้ได้ แม้ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย ปัจจัยการมีอายุยืนยาวนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างอาคารและโครงสร้างพื้นฐานที่มีผลกระทบยาวนาน ลดความต้องการในการบำรุงรักษาและต้นทุนตลอดอายุการใช้งานโดยรวม นอกจากนี้ เหล็กเส้นกลมยังสอดคล้องกับหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน เนื่องจากสามารถรีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ลดของเสียและส่งเสริมประสิทธิภาพของทรัพยากร
เหล็กเส้นกลมซึ่งเป็นจุดสูงสุดของความเป็นเลิศทางวิศวกรรม มีบทบาทสำคัญในภาคการผลิตเนื่องจากมีคุณสมบัติทางกลที่โดดเด่น เส้นผ่านศูนย์กลางสม่ำเสมอตลอดความยาวทำหน้าที่เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความแม่นยำ ช่วยอำนวยความสะดวกในกระบวนการตัดเฉือนที่ราบรื่น และรับประกันประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอในการใช้งานทางอุตสาหกรรมมากมาย ผู้ผลิตใช้ประโยชน์จากคุณลักษณะเฉพาะของเหล็กเส้นกลมอย่างมีกลยุทธ์เพื่อประดิษฐ์ส่วนประกอบต่างๆ เช่น เพลา เฟือง และตัวยึด โดยได้ประโยชน์จากความสามารถในการขึ้นรูปและการเชื่อมที่ไม่มีใครเทียบได้ นอกเหนือจากข้อได้เปรียบด้านรูปลักษณ์และการตัดเฉือนแล้ว เหล็กเส้นกลมยังมีความเป็นเลิศในการมอบความทนทานทางกล ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับวิศวกรที่มองหาความทนทานและความน่าเชื่อถือในการออกแบบของพวกเขา ความสามารถในการทนต่อสภาวะความเครียดสูงทำให้มั่นใจได้ว่าการผลิตส่วนประกอบทางกลที่มีความยืดหยุ่นซึ่งเป็นแกนหลักของเครื่องจักรต่างๆ ความสม่ำเสมอของเหล็กเส้นกลมทำให้กระบวนการทางวิศวกรรมง่ายขึ้น เป็นรากฐานที่เชื่อถือได้สำหรับการสร้างส่วนประกอบที่ตรงตามข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพที่เข้มงวด การใช้เหล็กเส้นกลมในการผลิตถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความเป็นเลิศทางวิศวกรรม เส้นผ่านศูนย์กลางที่สม่ำเสมอ ความง่ายในการตัดเฉือน และคุณสมบัติทางกลที่โดดเด่น ทำให้มันเป็นวัสดุทางเลือกสำหรับการผลิตส่วนประกอบที่ต้องการความแม่นยำและความน่าเชื่อถือ ในขณะที่การผลิตยังคงก้าวหน้า เหล็กเส้นกลมยังคงเป็นองค์ประกอบสำคัญ ซึ่งมีส่วนช่วยในการผลิตเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูง และตอกย้ำสถานะเป็นรากฐานที่สำคัญในขอบเขตความเป็นเลิศทางวิศวกรรม
ในขณะที่อุตสาหกรรมการก่อสร้างเปิดรับแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนมากขึ้น เหล็กเส้นกลมก็กลายเป็นผู้เล่นหลักในโซลูชั่นอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความทนทานและความสามารถในการรีไซเคิลได้มีส่วนช่วยให้กระบวนการก่อสร้างมีความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับวัสดุก่อสร้างแบบดั้งเดิม อายุการใช้งานที่ยาวนานของโครงสร้างที่สร้างด้วยเหล็กเส้นกลมช่วยลดความจำเป็นในการเปลี่ยนบ่อยครั้ง และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโครงการก่อสร้างอีกด้วย นอกจากนี้ ความง่ายในการรีไซเคิลและการนำเหล็กเส้นกลมกลับมาใช้ใหม่ ยังสอดคล้องกับการเน้นหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย ด้วยการบูรณาการวัสดุนี้เข้ากับแนวทางปฏิบัติในการก่อสร้าง ผู้สร้างและนักพัฒนาไม่เพียงแต่สามารถปรับปรุงความสมบูรณ์ของโครงสร้างของโครงการของตนเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยอย่างจริงจังต่ออนาคตที่ยั่งยืนและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกด้วย เหล็กเส้นกลมเป็นศูนย์กลางในขอบเขตของแนวทางปฏิบัติในการก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาการก่อสร้างที่ยั่งยืน ความทนทานและความสามารถในการรีไซเคิลทำให้เป็นรากฐานที่สำคัญในการก่อสร้างที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม อายุการใช้งานที่ยาวนานของโครงสร้างที่สร้างด้วยเหล็กเส้นกลมไม่เพียงช่วยลดความจำเป็นในการเปลี่ยนบ่อยครั้ง แต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมที่เกี่ยวข้องกับวัสดุก่อสร้างแบบเดิมอีกด้วย ความสามารถในการปรับตัวของเหล็กเส้นกลมสอดคล้องกับหลักการเศรษฐกิจแบบวงกลมได้อย่างลงตัว ความง่ายในการรีไซเคิลและการนำกลับมาใช้ใหม่ช่วยให้เกิดของเสียน้อยที่สุด ส่งเสริมประสิทธิภาพของทรัพยากรในโครงการก่อสร้าง ด้วยการบูรณาการเหล็กเส้นกลมเข้ากับแนวทางปฏิบัติในการก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผู้สร้างจึงมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในขณะที่อุตสาหกรรมการก่อสร้างเปิดรับความคิดริเริ่มเกี่ยวกับอาคารสีเขียว เหล็กเส้นกลมถือเป็นผู้เล่นหลัก โดยนำเสนอความสมดุลระหว่างความสมบูรณ์ของโครงสร้างและความตระหนักรู้ต่อระบบนิเวศ
เหล็กเส้นกลม (Round Bar) หรือ RB คือเหล็กเส้นที่นำมาใช้ในงานก่อสร้างอาคาร เป็นเหล็กพื้นฐานช่วยเพิ่มความแข็งแรงและรับแรงโครงสร้างอาคาร โดยมักจะนำมาใช้ในงานเสา คาน พื้น และโครงสร้างอื่น ๆ โดยทั่วไป เหล็กเส้นกลมจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 6 มิลลิเมตร ถึง 34 มิลลิเมตร และมีความยาวมาตรฐาน 10 เมตร
เหล็กเส้นกลมผลิตจากเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Steel) โดยผ่านกรรมวิธีการรีดร้อน (Hot Rolling) เพื่อทำให้เหล็กมีรูปร่างและขนาดที่ต้องการ เหล็กเส้นกลมมีคุณสมบัติเด่นคือมีความแข็งแรงสูง มีความยืดหยุ่นทนแรงดึงได้มาก ทนทานต่อการกัดกร่อน และสามารถเชื่อมได้ง่าย
เหล็กเส้นกลมแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
* เหล็กเส้นกลมทั่วไป (General Round Bar) : นิยมใช้ในงานก่อสร้างทั่วไป เช่น อาคารพาณิชย์ บ้านพักอาศัย และงานก่อสร้างอื่น ๆ
* เหล็กเส้นกลมเสริมคอนกรีต (Reinforced Concrete Bar) : นิยมใช้ในงานเสริมคอนกรีต เช่น เสา คาน พื้น และโครงสร้างอื่น ๆ
เหล็กเส้นกลมเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ช่วยให้อาคารมีความแข็งแรงและทนทานต่อแรงกระทำต่าง ๆ
คุณสมบัติของเหล็กเส้นกลม
* ความแข็งแรง : เหล็กเส้นกลมมีความแข็งแรงสูง สามารถรับแรงดึงได้สูง
* ความทนทาน : เหล็กเส้นกลมทนทานต่อการกัดกร่อนจากสนิม
* การเชื่อม : เหล็กเส้นกลมสามารถเชื่อมได้ง่าย
การใช้งานของเหล็กเส้นกลม
* งานเสา : เหล็กเส้นกลมใช้ทำเสาคอนกรีตเพื่อรับน้ำหนักของโครงสร้างอาคาร
* งานคาน : เหล็กเส้นกลมใช้ทำคานคอนกรีตเพื่อรับน้ำหนักจากเสาและพื้น
* งานพื้น : เหล็กเส้นกลมใช้ทำพื้นคอนกรีตเพื่อรับน้ำหนักจากสิ่งปลูกสร้าง
* งานโครงสร้างอื่น ๆ : เหล็กเส้นกลมใช้ทำโครงสร้างอื่น ๆ เช่น เขื่อน สะพาน และรั้ว
มาตรฐานของเหล็กเส้นกลม
เหล็กเส้นกลมในประเทศไทยต้องเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก. 20-2559 ซึ่งกำหนดคุณสมบัติของเหล็กเส้นกลมไว้ดังนี้
* เส้นผ่านศูนย์กลาง : 6 - 34 มิลลิเมตร
* ความยาว : 10 - 12 เมตร
* ความแข็งแรง : กำลังจุดครากไม่น้อยกว่า 2,400 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร
* ความต้านทานแรงดึงสูงสุดไม่น้อยกว่า 4,200 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร
* ความยืดหยุ่นสูงสุดไม่น้อยกว่า 20%
* ความหนาแน่น : 7.85 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร
การเลือกซื้อเหล็กเส้นกลม
ในการเลือกซื้อเหล็กเส้นกลมควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
* ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง : ควรเลือกขนาดให้เหมาะสมกับการใช้งาน
* ความยาว : ควรเลือกความยาวให้เหมาะสมกับงานก่อสร้าง
* มาตรฐาน : ควรเลือกเหล็กเส้นกลมที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม
* คุณภาพ : ควรเลือกเหล็กเส้นกลมที่มีคุณภาพดี
* ราคา : ควรเลือกเหล็กเส้นกลมที่ราคาเหมาะสม
ตารางเหล็กเส้นกลม